วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

น้ำมันมะรุม

น้ำมันมะรุมแคปซูล สกัดเย็น (Cold Pressure)


 
กรรมวิธีสกัดเย็นด้วยเครื่อง screw-press ไม่ผ่านความร้อน ขนาดบรรจุ 15 ml.
สรรพคุณ
บำรุงผิวพรรณให้อ่อนนุ่มชุ่มชื่น ชะลอการเหี่ยวย่นของผิวลบเลือนริ้วรอยและ จุดดางดำจากการโดนแดดและการเสื่อมตามวัยลดอาการปวดบวมของโรคกระดูก ลดอาการผื่นคันตามผิวหนัง รักษาแมลงสัตว์กัดตอย และโรคเชื้อราบนผิวหนัง
วิธีใช้ ใช้ทาภายนอก
น้ำมันมะรุม รู้จักกันในชื่อ Ben oil ไม่เป็นไขและไม่ระเหย ซึ่งมีสรรพคุณในการดับกลิ่น ใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องจักร ใช้ทำน้ำหอมและผลิตภัณฑ์ ดูแลเส้นผม ในประเทศตะวันตกนิยมนำมะรุมผงมาใช้เป็นน้ำสลัดได้อย่างดีอีกด้วย น้ำมันมะรุมไม่มีกลิ่น สามารถใช้แทนน้ำมันพืชได้เพราะมีส่วนประกอบ ของกรด Oleic (กรดไขมันไม่อิ่มตัว โมเลกุลเดี่ยว) เหมาะที่จะใช้เจียวและทอด น้ำมันมะรุมที่ได้จะมีสีเหลือง, สะอาด, มีรสหวาน, ไม่มีกลิ่น และไม่บูด
น้ำมันมะรุม เป็นน้ำมันธรรมชาติชนิดคงรูปซึ่งอุดมไปด้วยกรดที่มีประโยชน์ ประกอบด้วยสารแอนตี้อ็อคซิไดซ์ในปริมานที่สูง มีกรดไขมันอิ่มตัวใน ปริมาณสูงด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่ิอิ่มตัวเชิงเดี่ยว ถึง 70เปอร์เซน จึงมีคุณสมบัติคล้ายน้ำมันมะกอก จึงเป็นน้ำมันคุณภาพดีสำหรับใช้ประกอบ อาหาร ช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจนแกจากนั้นยังมีกรดต่างๆที่มีประโยชน์ในปริมาณมาก ยิ่งกว่านั้นเมล็ดมะรุมยังสามารถทานสด หรืิอนำไปคั่ว ,บดเป็นผง,นำไปผสมน้ำชา,หรือใส่ในแกงก็ได้
คุณสมบัติ ทางกายภาพและทางเคมีและองค์ประกอบกรดไขมันของน้ำมันเมล็ดมะรุม

ข้อมูลจาก Thionville Laboratories, lnc. New Orleans, USA (March 1994) Values in parantheses (Vecker and Siddhuraju, unpublished) 
คุณสมบัติของน้ำมันมะรุม
มีรายงานว่ามีการนำเมล็ดมะรุมมาใช้ใน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความสวยงามตั้ง 1,400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งนำมาใช้ลดริ้วรอยโดยการใช้ยางสน, น้ำมัน มะรุมสด และหญ้าไซปรัส ซึ่งนำส่วนผสมทั้งหมดหมักรวมกัน และนำมาใช้ทุกวันเป็นประจำ เหมาะต่อการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเสริมสวยทำ เครื่องสำอาง ใช้ในการบำรุงผิว บำรุงผม นอกจากนั้นยังมีสารฆ่าเชื้อและสมานแผล มีสรรพคุณในการแก้ผื่นคัน แมลงกัดต่อย และแผลถลอก นอกจากนั้น ยังมีไวตามิน เอ และ ซี ที่มีประโยขน์ในด้านเสริมสวย ในขณะเดียวกัน ก็สามารถนำไปปรุงอาหารเช่นเดียวกับน้ำมันมะกอก และมีคุณสมบัติ ใกล้เคียงกัน ดูรายละเอียดคุณสมบัติด้านล่างนี้
 
  • ช่วยบำรุงรักษาผิวที่แห้งให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม และช่วยชะลอความแก่ก่อนวัยของผิว
  • ช่วยบรรเทาการเกิดสิวบนใบหน้า
  • ช่วยลดรอยจุดด่างดำของผิวอันเป็นผลจากการโดนแดด หรือการเสื่อมตามวัย
  • ช่วยรักษาโรคเชื้อราตามผิวหนัง เช่น โรคน้ำกัดเท้า ื้อราตามซอกเล็บ และผิวแห้งเพราะเชื้อรา
  • ช่วยรักษาแผลสด เนื่องจากเมล็ดมะรุมนั้นประกอบไปด้วยสารฆ่าเชื้อโรค และช่วยลดการอักเสบของบาดแผลจากมีดบาด แผลฟกช้ำ แผลไฟไหม้ แมลงกัดต่อย ผดผื่นและรอยถลอกอย่างรวดเร็ว
  • การใช้งานด้านเวชสำอาง
    • ครีมลบริ้วรอย
    • ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
    • สบู่ก้อนและสบู่เหลว
    • น้ำมันหอมระเหย
    • น้ำมันนวด
    • ครีมบำรุงผิวหน้า
    • น้ำหอมและที่ดับกลิ่นกาย
    • น้ำหอมและที่ดับกลิ่นกาย

    มะรุม

    มะรุม

     
    ชื่อวิทยาศาสตร์        Moringa oleifera Lam.
    ชื่อสามัญ                Bitter cucumber-chinese
    วงศ์                      Moringaceae  

    ชื่ออื่นๆ "ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม" ภาคเหนือเรียก "มะค้อม- ก้อน" ชาวกะเหรี่ยงแถบกาญจนบุรีเรียก
     "กาแน้งเดิง" ส่วนชาวฉานแถบแม่ฮ่องสอนเรียก "ผักเนื้อไก่"
    ลักษณะ :  จัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทย มีประโยชน์เอนกประสงค์ ทั้งทางด้านอาหาร
    ยาและอุตสาหกรรม เป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ทนแล้ง ปลูกง่ายในเขตร้อน
    อาจจะเติบโตมีความสูงถึง 4 เมตรและออกดอกภายในปีแรกที่ปลูก
    ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชนิดที่แตกใบย่อย 3 ชั้น ยาว 20 - 40 ซม. ออกเรียงแบบสลับ
     ใบย่อยยาว 1 - 3 ซม. รูปไข่ ปลายใบและฐานใบมน ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่า
    และมีขนเล็กน้อยขณะที่ใบยังอ่อน ใบมีรสหวานมัน ออกดอกในฤดูหนาว
    บางพันธุ์ออกดอกหลายครั้งในรอบปี ดอกเป็นดอกช่อ สีขาว กลีบเรียง มี 5 กลีบ
    กลีบดอกมี 5 กลีบแยกกัน ดอกมีรสขม หวาน มันเล็กน้อย ผลเป็นฝักยาว
     เปลือกสีเขียวมีส่วนคอดและส่วนมน เป็นระยะ ๆ ตามยาวของฝัก ฝักยาว 20 - 50 ซม.
    ฝักมีรสหวาน เมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยม มีปีกบางหุ้ม 3 ปีก เส้นผ่าศูนย์กลางของเมล็ดประมาณ 1 ซม.
    มะรุมเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบเอเชีย เช่น อินเดีย ศรีลังกา เป็นต้น
    และยังมีในเขตเอเชียไมเนอร์และแอฟริกา เป็นไม้ปลูกง่าย เจริญได้ดีในดินทุกชนิด
    ต้องการน้ำและความชื้นในปริมาณปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
    และการปักชำกิ่ง งอกเร็ว ใช้เวลา 2 สัปดาห์ต้นกล้าสูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร

     
    คุณค่าทางอาหาร :
    • ใบ ใบสดใช้กินเป็นอาหาร ใบแห้งที่ทำเป็นผงเก็บไว้ได้นานโดยยังมีคุณค่าทางอาหารสูง
    • ใบมะรุมมีวิตามิน เอ สูงกว่าแครอท มีแคลเซียมสูงกว่านม มีเหล็กสูงกว่าผักขม
    • มีวิตามี ซี สูงกว่าส้มและมีโปแตสเซียมสูงกว่ากล้วย
    • ดอกฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แก้หวัดHelminths ป้องกันมะเร็ง
    • ฝัก ฝักมะรุม 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 32 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย
    •   เส้นใย 1.2 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 26 มิลลิกรัม เหล็ก 1.5 มิลลิกรัม
    • วิตามินเอ 532 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.05 มิลลิกรัม ไนอาซิน 0.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 262 มิลลิกรัม
    • เมล็ด น้ำมันที่ได้จากการคั้นเมล็ดสดใช้เป็นน้ำมันปรุงอาหาร
    • การปรุงอาหาร ในประเทศไทย ฤดูหนาวจะมีมะรุมจำหน่ายทั่วไป ทั้งตลาดในเมือง
    • และในท้องถิ่น คนไทยทุกภาครับประทานมะรุมเป็นผัก ชาวภาคกลางนิยมนักมะรุมอ่อนไปปรุง
    • เป็นแกงส้ม และนำดอกมะรุมลวกให้สุกหรือดองรับประทานกับน้ำพริก สำหรับชาวอีสาน
    • ยอดอ่อน ใบอ่อน ช่อดอกอ่อนนำไปลวกให้สุกหรือต้มให้สุก รับประทานเป็นผักร่วมกับป่นแจ่ว
    • ลาบ ก้อย หรือนำไปปรุงเป็นแกงอ่อม ส่วนฝักอ่อนหรือฝักที่ยังไม่แก่เต็มที่นำมาปอกเปลือก
    • หั่นเป็นท่อนและนำไปปรุงเป็นแกงส้ม หรือแกงลาวได้ นอกจากนี้ ที่จังหวัดชัยภูมิ
    •   ยังรับประทานฝักมะรุมอ่อนสด เป็นผักแกล้มร่วมกับส้มตำโดยรับประทานคล้ายกับรับประทาน
    • ถั่วฝักยาว และชาวบ้านเล่าว่าฝักมะรุมอ่อนนำไปแกงส้มได้โดยไม่ต้องปอกเปลือก
    • ชาวเหนือนำดอกอ่อน ฝักอ่อนไปแกงกับปลา ในต่างประเทศ เช่น อินเดีย มีการทำผงใบมะรุม
    • ไว้เป็นอาหาร น้ำใบมะรุมอัดกระป๋อง
     
    

    มะรุม สรรพคุณและประโยชน์ของมะรุม 78 ข้อ


    มะรุม

     

     
    มะรุม ภาษาอังกฤษ : Moringa
    มะรุมชื่อวิทยาศาสตร์ : Moringa oleifera Lam. วงศ์ MORINGACEAE

                 มีการเรียกชื่อมะรุมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละภาค เช่น ภาคเหนือจะเรียกว่า บะค้อนก้อม ถ้าเป็นภาคอีสานจะนิยมเรียกกันว่า “ผักอีฮุม” หรือ “บักฮุ้ม” จัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทยซึ่งเป็นพืชผักสมุนไพรโดยมีต้นกำเนิดในแถบทวีปเอเชีย อย่างประเทศอินเดีย และศรีลังกา โดยเป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ปลูกง่ายในเขตร้อน ทนแล้ง สามารถรับประทานได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น ฝัก ใบ ดอกเมล็ด ราก เป็นต้น แต่ถ้านำมาใช้เป็นยาสมุนไพรนั้นจะใช้เกือบทุกส่วนของต้นมะรุมรวมทั้งเปลือกด้วย
    มะรุมอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุรวมหลายชนิด ซึ่งจุดเด่นของมะรุมก็คือจะมีวิตามินเอ ซี แคลเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงมาก นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ของมะรุมในการรักษาโรคได้หลายชนิด แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรจะมองว่ามะรุมเป็นยามหัศจรรย์ที่ใช้ในการรักษาโรค แต่ควรจะมองมันเป็นผักพื้นบ้านที่มีประโยชน์กับร่างกายเสียมากกว่า เพราะการศึกษาหลายอย่างๆ ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย

    ประโยชน์ของมะรุม

      1. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยในการชะลอวัย (น้ำมันมะรุม)
      2. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
      3. ช่วยรักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึงอายุ 10 ขวบ
      4. มะรุม ลดความอ้วน ช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกาย (ฝัก)
      5. มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง (ใบ,ดอก,ฝัก,เมล็ด,เปลือกของลำต้น)
      6. ช่วยรักษาโรคมะเร็งในกระดูก
      7. ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้อาการแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้น
      8. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย
      9. ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
      10. มะรุม ลดความดัน รักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบ,ฝัก)
      11. ใช้รักษาโรคหัวใจ (ราก)
      12. มะรุม ลดน้ำตาล ช่วยรักษาโรคเบาหวาน โดยรักษาความสมดุลของระดับน้ำตาล
      13. ใช้รักษาโรคหอบหืด (Asthma) (ยาง)
      14. ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้
      15. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคที่ต่ำลงของผู้ป่วยเอดส์
      16. ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย (ดอก)
      17. ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ราก)
      18. ช่วยคุมธาตุอ่อนๆ (เปลือกของลำต้น)
      19. แก้ลมอัมพาต (เปลือกของลำต้น)
      20. ใช้ขับน้ำตา (ดอก)
      21. ใช้บำรุงสุขภาพและรักษาดวงตาให้สมบูรณ์
      22. ช่วยรักษาโรคตาได้เกือบทุกโรค อย่าง โรคตาต้อ ตามืดมัว เป็นต้น
      23. สรรพคุณมะรุมช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคโพรงจมูกอักเสบ
      24. น้ำมันมะรุมใช้นวดศีรษะ ฆ่าเชื้อชาบนหนังศีรษะ แก้อาการคันหนังศีรษะ ลดผมร่วง (น้ำมันมะรุม)
      25. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ใบ,น้ำมันมะรุม)
      26. ใช้แก้ไข้ และถอนพิษไข้ (ใบ,ยอดอ่อน,ฝัก,เมล็ด)
      27. ใช้แก้อาการไข้หัวลม หรืออาการไข้เปลี่ยนฤดู (ดอก)
      28. ช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัด (เมล็ดมะรุม)
      29. ช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรังให้ดีขึ้น (เมล็ดมะรุม)
      30. ช่วยบรรเทาอาการและลดสิวบนใบหน้า (น้ำมันมะรุม)
      31. ช่วยลดจุดด่างดำจากแสงแดด (น้ำมันมะรุม)
      32. ใช้รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ใบ)
      33. ช่วยแก้อาการปวดฟัน (ยาง)
      34. ช่วยแก้อาการปวดหู (Earache) (ยาง)
      35. น้ำมันมะรุมใช้หยอดหูเพื่อป้องกันและฆ่าพยาธิในหู รักษาโรคหูน้ำหนวก เยื่อบุหูอักเสบ
      36. ช่วยรักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษ
      37. ช่วยรักษาแผลในปากหรือแผลจากโรคปากนกกระจอก
      38. นำเปลือกของลำต้นมาเคี้ยวกินเพื่อช่วยย่อยอาหาร (เปลือกของลำต้น)
      39. ช่วยขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ (เปลือกของลำต้น)
      40. สรรพคุณช่วยในการคุมกำเนิด (เปลือกของลำต้น)
      41. ช่วยบำรุงและรักษาปอดให้แข็งแรง และรักษาโรคปอดอักเสบ
      42. เมล็ดมะรุมวันละ 1 เมล็ดก่อนนอน ช่วยให้การขับถ่ายในตอนเช้าเป็นไปอย่างปกติและสม่ำเสมอ (เมื่อขับเป็นปกติแล้วควรหยุดรับประทาน)
      43. ใช้รักษาโรคลำไส้อักเสบ อาการท้องเสีย ท้องผูก
      44. ช่วยรักษาและขับพยาธิในลำไส้ (เมล็ดมะรุม)
      45. ช่วยในการขับปัสสาวะ(ใบ,ดอก)
      46. ช่วยแก้อาการอักเสบ (ใบ)
      47. ช่วยรักษาโรคไขข้อ (Rheumatism) (ราก)
      48. ช่วยบรรทาอาการของโรคเก๊าท์ บ้างก็ว่าสามารถใช้รักษาโรคเก๊าท์ได้
      49. ช่วยรักษาโรคกระดูกอักเสบ
      50. ช่วยรักษาโรครูมาติซั่ม
      51. ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ ไต
      52. น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อตามบั้นเอวและขา
      53. น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อกระชับกล้ามเนื้อ
      54. ใช้แก้อาการปวดตามข้อ (เมล็ด)
      55. แก้อาการบวม (ราก,เมล็ด)
      56. ช่วยลดอาการผื่นคันตามผิวหนัง และการแพ้ผ้าอ้อมของเด็กทารก (น้ำมันมะรุม)
      57. ช่วยรักษาบาดแผล แผลสดเล็กๆน้อยๆ (ใบ,น้ำมันมะรุม)
      58. ช่วยถอนพิษและลดอาการปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย (น้ำมันมะรุม)
      59. ใช้เป็นยาปฏิชีวนะ
      60. ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (ใบ,ดอก)
      61. ใช้รักษาเชื้อราตามผิวหนัง ศีรษะ ตามซอกเล็บ โรคน้ำกัดเท้า (น้ำมันมะรุม)
      62. น้ำมันมะรุมใช้ทารักษาหูด ตาปลา
      63. ช่วยรักษาโรคเริม งูสวัด
      64. ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ต้านจุลชีพ
      65. ช่วยฆ่าเชื่อไทฟอยด์ (ยาง)
      66. ช่วยรักษาโรคซิฟิลิส (syphilis) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่ง (ยาง)
      67. การรับประทานมะรุมในช่วงตั้งครรภ์ จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ HIV ของเด็กทารก
      68. ฝักมะรุมนำมาใช้เป็นไม้ตีกลองได้เหมือนกันนะ โดยเฉพาะในแถบอินเดีย
      69. ใบสดนำมารับประทานได้ ส่วนใบแห้งนำมาทำเป็นผง
      70. เมล็ดบางครั้งนำมาคั่วรับประทานเป็นถั่วได้
      71. เมล็ดมะรุมเมื่อนำมาบดละเอียดสามารถนำไปใช้กรองน้ำได้ทำให้น้ำตกตะกอนและฆ่าเชื้อโรคในน้ำ น้ำที่ได้จะค่อนข้างสะอาดและมีรสออกหวาน
      72. น้ำมันที่จากการคั้นเมล็ดสด นำมาใช้เป็นน้ำมันในการปรุงอาหาร
      73. น้ำมันมะรุมนำมาใช้ในการปรุงอาหารชนิดเดียวกับน้ำมันมะกอก แต่ดีกว่าตรงที่ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนในภายหลัง
      74. น้ำมันมะรุมนำมาใช้เป็นน้ำยาหล่อลื่นต่างๆประจำบ้าน และช่วยป้องกันสนิม
      75. ประโยชน์มะรุมนิยมนำมะรุมไปทำเป็นอาหารเพื่อรับประทานเป็นผักอย่าง แกงส้ม แกงลาว แกงอ่อม แกงกะหรี่ ยำฝักมะรุม ส่วนดอกมะรุมลวกรับประทานกับน้ำพริก ส่วนยอดอ่อน ใบอ่อนนำไปต้มสุกรับประทานร่วมกับแจ่ว ลาบ ก้อย
      76. นำมาแปรรูปเป็น “มะรุมแคปซูล” สำหรับเป็นทางเลือกให้ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผัก แต่อยากได้คุณประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
      77. นำมาสกัดเป็นน้ำมันมะรุม ซึ่งมีคุณประโยชน์ที่หลากหลาย
      78. มะรุม สรรพคุณ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม ไม่ให้หยาบกร้าน


          สายพันธุ์ของมะรุม

           
          
          ต้นมะรุม  ที่ปลูกกันทั่วไปในประเทศไทย เรียกว่า  พันธุ์ ข้าวเหนียวเป็นสายพันธุ์เดียวกับต่างประเทศที่เรียกว่า  Moringa  Oleifera Lam  ส่วนสายพันธุ์ที่เรียกว่า  สายพันธุ์กระดูก คือ สายพันธุ์ Stenopetala เป็น2สายพันธุ์ที่นำมาใช้ในการทดลองและวิจัย  มากที่สุดและพบว่ามีคุณประโยชน์ที่เหมาะนำมารักษาบรรเทาโรค ต่างๆได้มากมาย  ส่วนสายพันธุ์อื่นๆไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในประเทศไทยเนื่องจากสภาพภูมิอากาศสูงเกินไป
           
           
          สายพันธุ์มะรุมทั้งหม
          1. moringa  arborea
          2. moringa  borziana
          3. moringa  concanensis
          4. moringa    drouhardii jum
          5. moringa hildebrandtii
          6. moringa  longituba
          7. moringa  oleifera  lam
          8. moringa  ovalifolia
          9. moringa  peregrina
          10. moringa  pyamaea
          11. moringa  rusdoliana
          12. moringa  stenopetala